วันที่ 6 เม.ย. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการตำรวจ
ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการตำรวจ โดยให้ยกเลิกความในมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา 94 ข้าราชการตำรวจผู้ใดซึ่งออกจากราชการอันมิใช่เพราะเหตุตาย มีกรณีถูกกล่าวหาเป็นหนังสือก่อนออกจากราชการว่า
ขณะรับราชการได้กระทำหรือละเว้นกระทำการใดอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าเป็นการกล่าวหาต่อผู้บังคับบัญชาของผู้นั้น หรือต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมาย หรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหาของผู้บังคับบัญชาของผู้นั้น หรือมีกรณีถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาคดีอาญาก่อนออกจากราชการ
ว่าในขณะรับราชการได้กระทำความผิดอาญาอันมิใช่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ที่ไม่เกี่ยวกับราชการหรือความผิดลหุโทษ ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยมีอำนาจดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาดำเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้ เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ แต่ต้องสั่งลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ
ถ้าเป็นการกล่าวหา หรือฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญา หลังจากที่ข้าราชการตำรวจผู้ใดออกจากราชการแล้ว ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยมีอำนาจดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาดำเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ โดยต้องเริ่มดำเนินการสอบสวนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ และต้องสั่งลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ สำหรับกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง
ในกรณีที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษ หรือองค์กรพิจารณาอุทธรณ์ คำสั่งลงโทษทางวินัยหรือองค์กรตรวจสอบรายงานการดำเนินการทางวินัยมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดหรือ มีมติให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เพราะเหตุกระบวนการดำเนินการทางวินัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยดำเนินการทางวินัยให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดหรือมีมติ แล้วแต่กรณี
สืบสวนภูเก็ตรวบหนุ่มสตูล พร้อมของกลางยาบ้า 30,894 เม็ด สารภาพขายให้วัยรุ่นในซอย
ตำรวจชุดสืบ สภ.เมืองภูเก็ตรวบหนุ่มสตูลขณะลอบขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ยึดยาบ้า 30,894 เม็ดพร้อมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้เป็นของกลางในคดี เมื่อเวลา 16.30 น. (5 เม.ย.) ที่ชั้น 3 สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ต.หาญศึก ศรีทันต์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.อ.อนิรุทธิ์ ทองผึ้ง รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายสุพจน์ หรือบอย นุ่มน่วม อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดสตูล พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 30,894 เม็ด อาวุธปืนพกสั้น(แบบไทยประดิษฐ์)ใช้กับเครื่องกระสุนขนาด .32 นิ้ว 1 กระบอก เครื่องกระสุนหลายชนิด รวม 77 นัด และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ทั้งนี้ก่อนทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่านายสุพจน์ฯ ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ(ยาบ้า)ให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ตัวเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนและติดตามเฝ้าดูพฤติกรรม
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2562 เวลาประมาณ 20.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า ผู้ต้องหา จะนำยาบ้าไปจำหน่ายให้กับวัยรุ่นภายในซอยชุมชนถนนหลวงพ่อฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมพวก จึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณภายในซอยฯ จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. ได้สังเกตเห็นชายวัยรุ่น ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ได้รับแจ้ง กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กจ 8089 ภูเก็ต เข้ามาจอดภายในซอยฯ โดยท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัว ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 10 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บของใต้เบาะรถจักรยานยนต์
สอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเอง โดยตนจะนำมาจำหน่ายให้กับวัยรุ่นภายในซอยฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ทำการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับอีกว่าที่ห้องนอนของตน ที่บ้านเลขที่ 19/123 หมู่บ้านณัฐกมล (กู้กู) ถ.รัษฎานุสรณ์ ม.3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ยังมียาบ้าซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ผู้ต้องหานำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจค้นบ้าน และห้องนอนของผู้ต้องหา ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 30,884 เม็ด และของกลางอื่นๆ ซุกซ่อนอยู่ในชั้นวางของภายในห้องนอน สอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า ของกลางทั้งหมดนั้นเป็นของตนเองจริง จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี
credit : beachaccesshawaii.org raybansunglassesonsale.com barhitessales.com commerciallighting.org